วันอาทิตย์, เมษายน 29, 2550

อ่าววงเดือน เกาะเสม็ด

หายไป 10 กว่าวัน เพราะไปเที่ยวเกาะเสม็ดมา แต่ไม่ได้ไป 10 วันนะ
ไปแค่ 3 วัน 2 คืน ตั้งแต่วันศุกร์เย็นๆ ถึงวันอาทิตย์ เหนื่อยมากถึงมากที่สุด
จะเล่าให้ฟัง มามามาฟังกัน

ทริปนี้มีทั้งหมด 5 คน หยุ้น ครูฝน ครูนก แก๊ป และเป้ โดยวันศุกร์ที่ 27 เมษายน
ช่วงกลางวันก็ฝึกงานเหมือนเดิม เลิกงาน 4 โมงครึ่งปั๊ป พุ่งออกมาด่วนจี๋
ก็ไม่รู้จะรีบมาทำไม เพราะเค้านัดกัน 6 โมงที่แมคโดนัลด์โรงเรียน มาเร็วเพื่อไรเนี่ย
พอประมาณ 6 โมงฝนก็ตกอีก เลยคิดว่าถ้าไปเอกมัยโดยแท็กซี่ ชาติหน้าก็ไม่ถึง
รถติดแน่นอน เลยนั่งแท็กซี่ไปลงอนุสาวรีย์ก่อน แล้วก็ต่อรถไฟฟ้าไปเอกมัย
เร็วทันใจภายใน 1 ชั่วโมงก็ถึงเอกมัย กะจะจองรถรอบทุ่มครึ่ง แต่เต็มไปแล้ว
เลยจองรอบสองทุ่มครึ่งไป ระหว่างที่รอเวลาก็ไปนั่งกินกาแฟที่บ้านไร่กาแฟ
ตรงข้ามสถานีเอกมัย บรรยากาศดีเกิ๊น เคลิ้มเลย

20.30 น. เตรียมพร้อมบนรถกันเรียบร้อย แทนที่จะได้คุย ต่างคนต่างเสียบหูฟัง
แล้วก็หลับ ขณะที่หลับอยู่นั้น รถก็กำลังแล่นอยู่บนทางด่วน สักพักก็มีเสียงปั้ง
ปั่กปั่กปั่ก สะดุ้งตื่นเหมือนนัดกัน ฉงนว่าเสียงอะไร แล้วรถก็แล่นช้าลงเรื่อยๆ
จนจอดข้างทาง จึงได้รู้ว่ายางแตก เลยต้องเปลี่ยนรถไปอีกคันนึง
นี่ขนาดยังไปไม่ถึงไหน ซวยแรกยางแตกไปแล้ว เดี๋ยวมีอีกหลายซวยข้างหน้า

กว่าจะถึงบ้านเพ ระยองล่อไปเที่ยงคืนครึ่ง นั่งหลับแล้วหลับอีก พอลงจากรถ
เงียบยังกะป่าช้า ปกติแถวนั้นจะเป็นที่ขายของฝาก ร้านอาหาร น่าจะมีคนอยู่มั่ง
แต่นี่ไม่มีเลย มีกันอยู่ 5 หน่อ แล้วก็ร้าน 7-11 ที่เปิดอยู่ รอเวลารถของโรงแรมมารับ
เลยเข้าไปซื้อเสบียงตุนไว้คืนนี้ มาม่านั่นเอง พอรถโรงแรมมารับเป็นรถตู้ฉิ่งฉับ
ไม่มีแอร์เปิดหน้าต่างเอา เห็นรถตู้ปุ๊ปในใจก็คิดภาพโรงแรมออกทันที เน่าแน่ๆ
ขณะที่เดินทางไปโรงแรม คนขับมันก็บอกว่ามีต้นสนล้ม 10 กว่าต้น
ทำให้ต้องไปอีกทาง ซึ่งอ้อมยิ่งกว่าอ้อม ก็เออๆออๆไป เพราะไม่ใช่คนแถวนี้
และก็ไม่รู้ว่ามันอ้อมสักแค่ไหน ขณะอยู่ในทางเปลี่ยวๆ สองข้างทางไม่มีไฟเลย
มีแต่ไฟรถตู้เท่านั้น ก็มีก้อนไรสักอย่างมาโดนหน้ารถ ซึ่งกูนั่งหน้าด้วย ตกใจชิปหาย
ดีไม่โดนกระจก โดนตัวรถแทน กูว่ากูเห็นก้อนหิน คนขับแม่งบอกนก
นกที่ไหนบินตอนเที่ยงคืน แถมโง่บินชนรถอีก ภายหลังพวกเรามานั่งวิเคราะห์กัน
คิดว่าน่าจะเป็นพวกปาก้อนหินแบบให้โดนคนขับรถ แล้วรถจะได้เสียหลัก
พวกมันก็จะได้ปล้นได้ รถบุบเลยนะนั่น ทำกูกลัวเลย ซวยที่สองผ่านไป

พอถึงที่พักก็เกือบตีหนึ่งกว่าๆแล้ว ที่พักมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่น
และห้องครัวด้วย ดูเหมือนหรูหรา แต่จริงๆแล้วมันต่างกับที่คิดไว้ ห้องน้ำก็เหม็น
พื้นก็เหมือนไม่เคยถูเลย เก้าอี้ก็มีคราบสนิม เอาน่ะคนละ 300 เอง ทนทนกันไป
มีอาหารเช้าให้ก็บุญแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากอาบน้ำนอนมากถึงมากที่สุด
ที่นงที่นอนเป็นไงไม่สน เพราะง่วง แต่พวกเค้าก็ทำมาม่ากินกัน เลยขอแจมนิดหน่อย
ไม่อยากจะกินเลยนะนั่น กินตอนตี 1 อย่างอืดเลย ใช่ว่ากินมาม่าเสร็จแล้วจะนอน
ยังไม่จบครับท่าน ไม่รู้ใครเสนอให้ลากเบาะมานอนห้องเดียวกัน แล้วใครนอนเตียง
ใครนอนพื้น ตัดสินได้โดยการเล่นสลาฟ คิงควีนและประชาชนนอนเตียง
ส่วนสลาฟและรองสลาฟนอนพื้น สรุปครูฝนเป็นคิง หยุ้นเป็นควีน แก๊ปเป็นประชาชน
ครูนกกะเป้เป็นสลาฟและรอง ไปๆมาๆอยากนอนที่ไหนก็ได้ให้ไกลจากฝนโดยด่วน
นอนข้างกูหายใจยังกะเครื่องปั๊มน้ำ เสียงดังและเร็ว บางครั้งมีไอแถมมาด้วย
ความทุกข์ของควีนที่ต้องมานอนข้างคิงที่นอนกรน ซวยสามของหยุ้น..

วันรุ่งขึ้นรีบออกจากโรงแรม แล้วนั่งเรือไปอ่าววงเดือน เกาะเสม็ดโดยด่วน
เพราะต้องการที่จะหาที่ซุกหัวนอนให้ได้ก่อน แล้วค่อยเที่ยว สรุปได้ที่พักตกคนละ
900 บาท รวมอาหารเช้าด้วย ก็แพงอยู่แต่ก็เอาๆไป ที่ถามๆมามันเต็มทุกที่
ที่นี่ว่างก็เลยเอาเลย ตอนกลางวันกินข้าวกัน แต่ละคนก็สั่งจานเดี่ยวกัน
หยุ้นสั่งข้าวผัดสัปปะรดไป ทำเป็นชั่วโมง ไม่รู้ไปเอาสัปปะรดถึงกรุงเทพหรือเปล่า
นั่งกินน้ำจนอิ่มน้ำเลย แต่อร่อยนะ อยากกินอีก จานละ 50 บาท ถือว่าไม่แพง
ครูฝนกินไข่ห่อข้าว จานละ 90 บาท กินที่โรงเรียนก็ได้นะมีหมูทอดด้วย 20 บาท
เสีย 90 บาทถึงมีความสุขใช่ไหม??

หลังจากนั้นบ่ายสามโมง รอให้แดดมันเบาๆลงก่อนค่อยเล่นทะเล แต่มันก็ไม่เบา
สามโมงร้อนได้อีก นั่งซัดคลื่นไปเรื่อยๆ ยิ่งเย็นคลื่นยิ่งแรง สะใจมาก น้ำก็เค็ม
แสบตาด้วย แต่ก็ยังเล่น เล่นไปได้สักพักเริ่มปวดฉี่ เลยออกไปลึกๆ ปล่อยไป 1 จ๊อก
โล่งเลย นี่ไม่ได้บอกใครนะ ป่านนี้ฉี่ลอยไปทะเลจีนใต้แล้วล่ะ ได้ลิ้มรสกันถ้วนหน้า
เล่นทะเลไปเรื่อย ใจนึงก็อยากดำๆแทนๆ อีกใจก็ขาวดีกว่า ไปๆมาๆ ได้ทั้งสองใจเลย
หน้า คอ แขน ขา ดำได้อีก แต่ตัวขาวจั๊วะ น่าเกลียดยังกะไอติมวานิลลาช็อคโกแลต
ยังเล่นได้ไม่เต็มที่ มีน้องหมามาเล่นน้ำทะเลด้วย กะจะเข้าไปเล่น พี่แกเล่นย่อขา
ปล่อยน้ำเหลืองซะงั้น ลุกเลยกู ลุกเลย เลิกๆๆๆๆๆ..

ตอนกลางคืนออกมากินซีฟู้ดกัน แต่หยุ้นไม่กินเพราะดันกินยากิโซบะกล่องไปก่อน
อิ่มกันเลยทีเดียว เลยกินโรตีแทน โรตีกล้วยชิ้นละ 25 บาท แต่อร่อยยิ่งกว่าราคา
โรตีเป็นโรตีอ่ะ อย่าพูดเยอะ พูดเยอะแล้วอยากกินอีก พอกินเสร็จฝนทำท่าจะตก
มันเริ่มลงแหมะๆ ครูฝนชวนไปซื้อของที่มินิมาร์ท ส่วนคนอื่นก็กลับเข้าที่พัก
พูดยังไม่ทันขาดคำ ฝนตกยังกะห่าลง เลยต้องวิ่ง 100 เมตรเข้าที่พักโดยด่วน
ส่วนครูฝนช้าๆแต่ชัวร์ สรุปหยุ้นเปียกนิดหน่อย แต่ครูฝนยังกะเล่นสงกรานต์มา

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน ออกไปกินอาหารเช้า กินเหมือนอีแร้ง แฮมเกือบ 10 แผ่น
เบคอนเกือบ 10 เส้น ขนมปัง 3 แผ่น และไข่ดาวอีก 3 ฟอง เส้นเลือดแดงจะตัน
เพราะไข่แดงแล้วเนี่ย กินเสร็จก็กลับห้องไปนอนต่อ ขนาดนอนไป 8 ชั่วโมงยังไม่พอ
ทุกคนขอนอนอีกสักนิด แล้ว 11 โมงค่อยอาบน้ำ ขึ้นเรือกลับระยองตอนเที่ยงครึ่ง
ก่อนจะขึ้นเรือใหญ่ มันจะมีเรือเล็กๆมาเทียบชายฝั่งเพื่อจะขนส่งเราไปเรือใหญ่
คือมันไม่มีท่าเรือนั่นเอง เลยต้องใช้เรือเล็กบรรทุกคนแทน แล้วขณะอยู่กลางทะเล
ก่อนจะถึงเรือใหญ่ ดันมี Speed Boat แล่นตัดหน้า แล้วคลื่นอย่างแรง
ยังกะเล่นแกรนด์แคนยอนกันเลยทีเดียว ตื่นเต้นๆ

พอเทียบท่าระยองประมาณบ่ายสอง เลยรีบหาร้านอาหารกินข้าว แล้วก็ซื้อของฝาก
สั่งข้าวผัดสัปปะรดไปอีกรอบ ทำเป็นชั่วโมงเหมือนเดิม ไม่รู้มีเตาเดียวหรือไง
ทำนานเกิน แถมร้านนี้ไม่อร่อยเลย ราคาเท่ากันแต่รสชาดอุบาทว์ จืดมาก
พอเดินซื้อของฝากเจอเปเล่ ขนมนะขนม ไม่ใช่คน อยากซื้อกินแต่คิดว่ากรุงเทพคงมี
เลยไม่ซื้อ ซื้อทุเรียนทอดมาโลนึง 250 บาท อยากกินจัด เดี๋ยวเลือดกำเดาก็ไหลอีก

กลับถึงกรุงเทพทุ่มตรงเป๊ะ แยกย้ายกันกลับ หยุ้นกลับรถไฟฟ้ามาลงหมอชิต
แล้วต่อรถไฟใต้ดินถึงบ้านพอดี เหนื่อยนะเนี่ย พรุ่งนี้ฝึกงานต่ออีก ให้ตายเหอะ

ปล. 28 เมษายน สุขสันต์วันเกิดไอ้พลอตนะ มีบัตรประชาชนกะเค้าซะที แก่ว่ะแก่
พอดีแฮปช้าไปวันนึง เนื่องจากเมื่อวานโทรไม่ติดเว้ย บวกกับเกาะเสม็ดฟ้าผ่า
เลยไม่กล้าใช้โทรศัพท์ กลัวหัวฟู